ทฤษฎีกฎการซื้อขายข้อที่แปด

ทฤษฎีกฎการซื้อขายข้อที่แปดของแกนคือปัจจัยเวลา โดยเชื่อว่าปัจจัยเวลาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในทุกปัจจัยที่กำหนดแนวโน้มของตลาด แกนเชื่อว่าปัจจัยเวลานั้นสำคัญที่สุด เนื่องจากสองเหตุผล: ประการแรก ปัจจัยเวลาสามารถเหนือกว่าความสมดุลราคา; ประการที่สองเมื่อเวลามาถึงปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นและทำให้ราคาเป็นขาขึ้นหรือลง

การเหนือกว่าแนวโน้มตลาด

ข้อแรกคือคำศัพท์เฉพาะในทฤษฎีของแกน โดยที่แนวคิด "ตลาดเหนือกว่าความสมดุล" หมายถึง: เมื่อรู้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เวลาที่ปรับลงจะนานกว่าการปรับตัวครั้งก่อน แสดงว่านี่คือการกลับตัวของตลาด นอกจากนี้ หากความกว้างของการลดราคาทำให้มีการลดลงในระดับสูงกว่าครั้งก่อน แสดงว่าตลาดได้เข้าสู่ระยะการกลับตัว

การตรวจสอบแนวโน้มกลับตัว

เมื่อรู้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง หากเวลาการดีดตัวครั้งต่อไปก็เกินเวลาการดีดตัวครั้งก่อน แสดงว่าตลาดได้กลับตัวเช่นกัน ความคล้ายคลึงกันคือ หากช่วงราคาที่ดีดตัวเกินกว่าเดิม แสดงว่าราคาได้หรือพื้นที่ได้เหนือกว่าความสมดุลแล้ว การกลับตัวได้เกิดขึ้น

การสังเกตสัญญาณของตลาด

เมื่ออยู่ในระยะที่ตลาดใกล้จะถึงเวลาเปลี่ยนแนวโน้ม จะมีสัญญาณที่ชัดเจนให้เห็น เมื่อมีการซัดซ้อนของราคาขึ้นหรือลงใน 3 ถึง 4 ระยะ โดยที่ระยะสุดท้ายในราคาจะกระชับกว่าในระยะก่อนหน้า จึงแสดงว่าการหมุนเวียนของเวลากำลังใกล้จบและการกลับตัวสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ตลาดจะเห็นสูงหรือลดลง

ช่วงเวลาและราคาที่เหนือกว่าความสมดุลแสดงว่าตลาดอยู่ในช่วงที่มองเห็นจุดต่ำสุดแล้ว

การสัมผัสกับปัจจัยทางฤดู

แกนยังเชื่อว่าตลาดการเงินได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาล ดังนั้นแค่มีสมาธิในเวลาที่สำคัญแล้วรวมกับกฎการซื้อขายอื่น ๆ นักลงทุนสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาดได้เร็วขึ้น แกนได้ระบุช่วงเวลาที่สำคัญในแต่ละเดือนตลอดทั้งปี เอาไว้ในด้านล่าง

วันที่สำคัญในแต่ละเดือน

(1) 7 ถึง 10 ม.ค. และ 19 ถึง 24 ม.ค. — วันเหล่านี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในปีที่ปรากฎแนวโน้มที่จะยืดเยื้อเป็นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน (2) 3 ถึง 10 ก.พ. และ 20 ถึง 25 ก.พ. — วันเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากมกราคม (3) 20 ถึง 27 มี.ค. — การเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นมักเกิดขึ้นที่นี่ บางครั้งอาจเป็นสัญญาณด้านบนหรือล่างหลัก

เดือนสำคัญอื่น ๆ

(4) 7 ถึง 12 เม.ย. และ 20 ถึง 25 เม.ย. — วันเหล่านี้มีความสำคัญน้อยกว่ามกราคมและกุมภาพันธ์ แต่ยังคงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลาด (5) 3 ถึง 10 พ.ค. และ 21 ถึง 28 พ.ค. — เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่สำคัญมากซึ่งมีความสำคัญเทียบเท่ากับเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ (6) 10 ถึง 15 มิ.ย. และ 21 ถึง 27 มิ.ย. — การเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ (7) 7 ถึง 10 ก.ค. และ 21 ถึง 27 ก.ค. — ความสำคัญของเดือนกรกฎาคมอยู่รองจากมกราคม ในช่วงนี้อากาศในปีเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวพืชผล

วันสำคัญในเดือนอื่น ๆ

(8) 5 ถึง 8 ส.ค. และ 14 ถึง 20 ส.ค. —ความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแนวโน้มในเดือนสิงหาคมนั้นเทียบเท่ากับเดือนกุมภาพันธ์ (9) 3 ถึง 10 ก.ย. และ 21 ถึง 28 ก.ย. — เดือนกันยายนถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงของตลาดในรอบปี (10) 7 ถึง 14 ต.ค. และ 21 ถึง 30 ต.ค. — เดือนตุลาเป็นอีกหนึ่งเดือนที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด (11) 5 ถึง 10 พ.ย. และ 20 ถึง 30 พ.ย. — ในปีที่มีการเลือกตั้ง ประจำปีของอเมริกานั้นตลาดมักจะเปลี่ยนแนวโน้มในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน

การสังเกตในเชิงลึก

เมื่อดูจากมุมมองของฝ่ายนักวิเคราะห์ ความเข้าใจเกี่ยวกับเวลาอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิเคราะห์จะต้องให้ความสำคัญกับความสูงหรือต่ำของราคาที่เกิดจากข่าวสารที่ออกสู่ตลาด เช่น สงคราม วิกฤติการเงิน การอ่อนค่าของสกุลเงิน เป็นต้น ซึ่งวันที่และระดับราคาของเหตุการณ์เหล่านี้มักจะเป็นระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญต่อไป