หลักการของ “อัลลิเกเตอร์”

นักเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมีหลักการที่มีประโยชน์และง่ายเรียกว่า “หลักการของอัลลิเกเตอร์” (Alligator Principle) นักเทรดที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดจะฝึกฝนความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการนี้อย่างต่อเนื่องก่อนที่จะเข้าตลาด

นิสัยของอัลลิเกเตอร์

หลักการนี้มาจากการจับเหยื่อของอัลลิเกเตอร์: เหยื่อที่ต่อสู้มากเท่าไหร่ อัลลิเกเตอร์ก็ยิ่งได้ผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น สมมุติว่าอัลลิเกเตอร์กัดที่เท้าของคุณ; มันจะกัดที่เท้าของคุณและรอให้คุณดิ้น หากคุณพยายามที่จะหลุดจากเท้าด้วยแขน มันก็จะกัดทั้งเท้าและแขนของคุณ คุณยิ่งดิ้น คุณก็ยิ่งติดอยู่ลึกลงไป

หลักการหยุดขาดทุน

ดังนั้น ถ้าเกิดอัลลิเกเตอร์กัดที่เท้าของคุณ คุณต้องจำไว้ว่า โอกาสในการรอดของคุณคือการสละเท้าหนึ่งข้าง หากใช้ภาษาของตลาด หลักการนี้คือ: เมื่อคุณรู้ว่าคุณทำผิด ต้องจบการเทรดทันที! อย่าหาเหตุผล, คาดหวัง, หรือทำอะไรอีก แค่รีบออกจากตลาด!

ความสำคัญของการหยุดขาดทุน

ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น, ตลาด Forex, หรือการเทรดออปชั่น มีทักษะการเทรดที่คล้ายกัน ความหมายที่สำคัญของ “การหยุดขาดทุน” มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถ “เข้าใจ” ได้ ดังนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำเงินในตลาดการเงิน “การหยุดขาดทุน” เหมือนกับมีดแหลมคม มันทำให้คุณบาดเจ็บ แต่ก็ช่วยให้คุณยังคงมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ขยายการขาดทุน และทำให้คุณสามารถหาจุดที่น่าสนใจใหม่ๆ ได้

ประสบการณ์ส่วนตัว

ในการอยู่รอดในตลาดการเงิน บางครั้งต้องการความอดทน บางครั้งต้องการความมั่นใจ แต่ความอดทนและความมั่นใจไม่ใช่โชคโชคชะตา นักลงทุนที่ไม่เข้าใจการหยุดขาดทุนจึงมักจะพ่ายแพ้เพราะมีโชคซะมากกว่า โชคคือศัตรูตัวฉกาจของการหยุดขาดทุน การหยุดขาดทุนคือพื้นฐานของศิลปะการเก็งกำไร

การฝึกฝนที่มีค่า

เราต้องเข้าใจหลักการนี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งหลักการนี้มาจากประสบการณ์ที่เจ็บปวด ในช่วงกลางปี 90 ฉันมีหน้าที่บริหารเงินทุนเล็กๆ ในบริษัท หลังจากที่ทำกำไรจากหุ้นได้ดี ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัว ฉันได้สร้างสถานะขายเล็กๆ ในฟิวเจอร์สสินค้า แต่ราคาเริ่มขึ้นและถึงจุดหยุดขาดทุน อย่างไรก็ตามในขณะนั้นฉันไม่ได้ยอมรับการขาดทุน 10,000 บาท แต่กลับสร้างสถานะขายที่ใหญ่ขึ้นในราคาที่สูงกว่า

เมื่อเจอวิกฤต

ราคาเริ่มขึ้นต่อไป ฉันพึ่งพาข่าวการลดราคาในการสร้างสถานะขนาดเล็กเพิ่มเติม แต่ว่ามีข่าวการผลิตสินค้านั้นจะลดลง! ทุกครั้งที่ฉันพยายามช่วยเหลือตัวเอง สถานการณ์ก็แย่ลง ตลาดนี้เป็นอัลลิเกเตอร์ที่ได้กินของอร่อย ทำให้การหยุดขาดทุน 10,000 บาท กลายเป็น 80,000 บาท ซึ่งเพียงเพราะว่าฉันไม่ปฏิบัติตามหลักการที่ชัดเจนที่ฉันรู้จัก

การตัดสินใจที่ถูกต้อง

ในต้นปี 1999 เมื่อบริษัทของฉันลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการดีในทางที่ผิด ด้วยเทคนิคการหยุดขาดทุน เรารีบโอนเงินทุนไปยังหุ้นขนาดใหญ่ที่มีราคาต่ำและได้รับชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์

การลงทุนและการเก็งกำไร

ข้างต้นที่ฉันพูดถึงการหยุดขาดทุนทั้งหมดนั้น ครอบคลุมถึงการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว การลงทุนที่แท้จริงในช่วงดำเนินงานไม่จำเป็นต้องมีการหยุดขาดทุน ฉันพูดถึงเรื่องการหยุดขาดทุนมากมายนี้ ไม่ได้สนับสนุนให้ใครไปเก็งกำไร แต่เพื่อสะท้อนถึงความเป็นจริงในตลาดหลักทรัพย์

การหยุดขาดทุนในการลงทุน

นักลงทุนเองก็มีการหยุดขาดทุน แต่ส่วนใหญ่จะเรียกว่าการหยุดผลกำไร การหยุดขาดทุนในการลงทุนแตกต่างจากในการเก็งกำไร การหยุดขาดทุนในการเก็งกำไรขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคา ขณะที่ในการลงทุนขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐาน นักลงทุนบางคนเชื่อว่าการลงทุนที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีการหยุดขาดทุนซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่เช่นวอร์เรน บัฟเฟต ก็ยังมีการหยุดขาดทุน เมื่อลงทุนในบริษัทนั้นสูญเสียความสามารถในการเติบโตหรือพื้นฐานแย่ลง

คำเขียนอย่างจริงจัง

เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันได้พูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาในระหว่างการดำเนินงาน ลูกค้าได้เน้นย้ำนถึงความเสี่ยงและความไม่สามารถจับได้ของตลาด ด้วยความจริงจังว่า ตลาดการลงทุนในหลักทรัพย์มีแต่ผู้ชนะและผู้แพ้ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ ฉันบอกเขาอย่างจริงจังว่าคุณพูดผิด

ผู้เชี่ยวชาญในตลาด

ในกลุ่มเพื่อนคนทำงานในวงการที่ฉันได้ติดต่อ มีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงจริง ๆ ที่มีผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงไม่ว่าจะแก่การลงทุนหรือเก็งกำไร แต่พวกเขาจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาตลาดมากนัก และไม่เคยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับหุ้นเลย ฉันจึงอยากบอกความลับกับนักลงทุนทุกคนว่า ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทำงานเงียบ ๆ ในขณะที่นักวิเคราะห์หุ้นมักจะพูดแต่ส่วนใหญ่ทำไม่ดี