1. ทัศนคติระยะสั้น

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจำนวนน้อยมักจะมองแนวโน้มระยะยาวก่อน จากนั้นจึงกลับมามองวิธีการเทรดระยะสั้น แต่ผู้ลงทุนที่ล้มเหลวส่วนใหญ่กลับมองข้ามตรงกันข้าม พวกเขาคิดว่าแนวทางที่มีการศึกษาเป็นสิ่งที่ช้าและไม่มีประโยชน์ เพียงแค่ต้องการทำกำไรให้ได้เร็วที่สุดแล้วก็ออกจากตลาด ฉันมักจะเตือนนักลงทุนและลูกค้าของฉันว่าทั้งการลงทุนระยะยาวและระยะสั้นควรเริ่มต้นจากกราฟรายเดือน จากนั้นจึงมาดูกราฟรายสัปดาห์ รายวัน และต่อด้วยกราฟราย 8 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง และ 2 ชั่วโมง แต่หลายคนมักจะไม่ฟังคำแนะนำนี้

2. ความโลภ

นักลงทุนส่วนใหญ่จะทำการ "คาดการณ์" ว่าอัตราแลกเปลี่ยนได้ลดลงจนถึงจุดต่ำสุด แม้ว่ายังไม่มีการปรับตัวขึ้นที่สำคัญ พวกเขาจึงกล้าซื้อเมื่อตลาดยังลงไปเรื่อยๆ และบังคับตัวเองด้วยทฤษฎีที่ตนเองไม่มั่นใจ เพื่อหวังให้คนรอบข้างเห็นด้วยกับมุมมองแบบนี้ ผลลัพธ์คือพวกเขาจะติดอยู่ในหรือลงทุนในตลาดที่ไม่มีทางออก ในช่วงเวลาดีที่ตลาดเติบโต นักลงทุนนั้นยังได้ทำผิดพลาดเดียวกัน ในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 อัตราแลกเปลี่ยนยูโร EUR ขึ้นถึง 1.1000 มีนักลงทุนคนหนึ่งได้โทรหาฉันและบอกว่า เขาคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนยูโร EUR ที่จาก 0.8230 ขึ้นไป 1.1000 นั้นสูงเกินไป และเมื่อถึงเวลานี้เขากำลังรอโอกาสในการขายออกจากยูโร EUR

3. เชื่อว่าคนอื่นโง่กว่าเรา

เมื่อเข้าร่วมงานสัมมนา นักลงทุนที่มีประสบการณ์จะพูดบ่อยๆ ว่าอัตราแลกเปลี่ยนยูโร EUR นั้นมีการซื้อขายที่มากเกินไป เว้นแต่ตลาดจะปรับตัวลงไม่ควรเข้าไปซื้อในราคาเหล่านี้ ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองจากการถามเขาได้ ว่าเมื่อยูโร EUR แตะ 0.9000 เขาก็เคยพูดในทำนองเดียวกัน แต่ตอนนี้ราคาถึง 1.2000 ดูเหมือนว่าเป็นคนที่ไม่รู้ว่ามัน "เกินราคา" ที่สามารถทำกำไรได้

4. จิตวิทยายึดตามผู้อื่น

นักลงทุนบางคนขาดทักษะการคิดอย่างอิสระ เขาอาจจะใช้เงินหลายพันบาทเพื่อเข้าร่วมสัมมนาที่มีชื่อเสียง แต่ไม่ยอมที่จะนั่งคิดและพิจารณาหลักการการลงทุนของตนเองอย่างจริงจัง

5. คิดผิดเกินไป

นักลงทุนประเภทนี้มักจะยึดมั่นในความเชื่อที่ผิดแม้ว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจน พวกเขาจะมองหาพฤติกรรมบางอย่างเพื่อใช้เป็นเหตุผลและไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตน

6. ตามกระแส

เมื่อยูโร EUR เปิดตัวใหม่ นักลงทุนจำนวนมากได้แสดงความเชื่อมั่นอย่างเกินจริงต่ออนาคตของยูโร EUR เมื่อเห็นคนอื่นซื้อมันก็ได้ทำเช่นเดียวกัน

7. เงินคนอื่นไม่สำคัญ

ผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคลที่อ้างว่าช่วยรักษาเงินต้น (หรือต้องการผลตอบแทน) มักจะไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากพวกเขามักจะทำผิดพลาดตามที่กล่าวถึง 6 ข้อข้างต้น เพราะพวกเขาไม่ใช่เจ้าของเงินจริง พวกเขาจึงลองเสี่ยงดูว่าหากโชคดี จะได้รับรางวัลตอบแทน แต่ถ้าไม่ได้ กองทุนที่มีการจัดการมักจะแพ้ ทำให้นักลงทุนใช้เวลาลังเลและมักจะเลือกที่จะให้พวกเขาดำเนินการต่อไป