ข้อควรระวังในการลงทุน

การตระหนักถึงวิธีหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดมักจะเป็นขั้นตอนสำคัญในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนฟอเร็กซ์ที่ทำผิดพลาดซ้ำ ๆ อาจจะค้นพบว่าศัตรูที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวเขาเอง แม้ว่าแม้จะดูเหมือนเป็นข้อผิดพลาดที่ง่าย แต่ก็อาจมีผลกระทบต่อการลงทุนโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือข้อผิดพลาดที่นักลงทุนส่วนบุคคลมักจะทำและได้สรุปไว้เป็นสิบสองข้อจากข้อมูลตอบกลับ.

หนึ่ง: ไม่มีกลยุทธ์การลงทุน

นักลงทุนทุกคนควรมีการจัดทำกลยุทธ์การลงทุนเพื่อแนะแนวการตัดสินใจลงทุนในอนาคต กลยุทธ์การลงทุนที่ดีก็ควรพิจารณาถึงระยะเวลาลงทุน, ความเสี่ยงที่สามารถรับได้ และความต้องการสภาพคล่องในอนาคต นักลงทุนควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายการลงทุนที่ต้องการและพร้อมที่จะรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการลงทุน ซึ่งนักลงทุนมักไม่สามารถทำได้.

สอง: ลงทุนในฟอเร็กซ์เพียงตัวเดียวหรือไม่กี่ตัว

การลงทุนในฟอเร็กซ์เพียงตัวเดียวหรือตัวเดียวหลาย ๆ ตัวจะเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนดัชนี นักลงทุนควรลงทุนในพอร์ตฟอลิโอซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงในประเภทการลงทุนที่หลากหลาย (เช่น ฟอเร็กซ์และพันธบัตร) และสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกัน การละเลยการกระจายการลงทุนทำให้ผู้ลงทุนเปราะบางเมื่อเผชิญกับความผันผวนที่มากของหุ้นและภาคส่วน.

สาม: ลงทุนในฟอเร็กซ์ไม่ใช่บริษัท

การลงทุนไม่ใช่การพนัน เราไม่ควรมองว่าการลงทุนเป็นเกมที่มีแต่ชนะหรือแพ้ การลงทุนควรเป็นการรับความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อให้การจัดหาเงินทุนสำหรับบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต การวิเคราะห์ควรมีขึ้นเกี่ยวกับพื้นฐานบริษัทและอุตสาหกรรม ไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนไหวราคาฟอเร็กซ์ในแต่ละวัน หากการซื้อฟอเร็กซ์นั้นขึ้นอยู่กับแนวโน้มของตลาดหรือความชอบในผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้น ๆ ก็จะมีโอกาสสูญเสียสูง.

สี่: ซื้อเมื่อราคาแพง

หลักการพื้นฐานของการลงทุนคือ "ซื้อเมื่อราคาต่ำ ขายเมื่อราคาแพง" แต่มีนักลงทุนจำนวนมากที่ทำตรงกันข้าม สาเหตุหลักคือ "การติดตามฟอร์มที่ดี" นักลงทุนจำนวนมากลงทุนในสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงปีที่ผ่านมา โดยตั้งสมมติฐานว่าสินทรัพย์ที่ทำผลงานดีในอดีตจะต้องทำได้ดีในอนาคต นี่เป็นสมมติฐานที่ผิดโดยสิ้นเชิง นักลงทุนบางคนที่ทำผิดพลาด "ซื้อเมื่อราคาแพง" ก็เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว แต่ไม่สามารถรักษาความยืนหยัดไว้ได้ เมื่อต้องเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น นักลงทุนจะพ่ายแพ้ต่อความผันผวนนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจและละทิ้งกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวที่เคยตั้งใจไว้.

ห้า: ขายเมื่อราคาต่ำ

นักลงทุนจำนวนมากที่ถูก "ล็อค" จะไม่ยอมขายฟอเร็กซ์ของตนก่อนที่จะสามารถหลุดออกจากการติดดอยได้ พวกเขาไม่ยอมรับว่าได้ซื้อในราคาที่สูงเกินไป ในกรณีใด ๆ นักลงทุนที่ฉลาดจะรู้ว่าราคาหุ้นที่สูงจะยากที่จะกลับมาอีกครั้งและจะต้องตัดขาดทุนอย่างเด็ดขาด อย่าลืมว่าการตั้งจุดตัดขาดทุนตลอดเวลานั้นสำคัญมาก.

หก: การซื้อขายบ่อยเกินไป

การซื้อขายอย่างถี่ถ้วนสามารถทำลายผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ทดลองได้พิสูจน์แล้วว่ากลยุทธ์การลงทุนระยะยาวแบบซื้อและถือจะดีกว่ากลยุทธ์การซื้อขายที่มุ่งเน้นเพียงการซื้อขายบ่อย ๆ.

เจ็ด: พึ่งพาข่าวจากที่มาเด่ว

การใช้สื่อและการออกอากาศเป็นแหล่งข้อมูลเพียงแค่เดียวโดยไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ทางวิชาชีพกับที่ปรึกษาการลงทุนเป็นความผิดพลาดทั่วไป ข่าวที่เรียกว่า "ข่าววงใน" อาจทำให้การลงทุนเติบโตเร็ว แต่ในความเป็นจริงมักไม่เป็นเช่นนั้น กฎง่าย ๆ ก็คือ เมื่อคุณได้ยินข่าวนั้น หมายความว่าอีกหลายคนก็ได้ยินข่าวเดียวกัน ดังนั้นข้อมูลนั้นอาจสะท้อนอยู่ในราคาแล้ว เช่นนั้นควรทำความร่วมมือกับมืออาชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากทีมวิจัยและวิเคราะห์เพื่อการลงทุน.

แปด: ให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมการจัดการและต้นทุนการซื้อขายมากเกินไป

เก้า: ทำการลงทุนโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

สิบ: ความคาดหวังที่ไม่สมจริง

การมีมุมมองระยะยาวต่อการลงทุนและไม่ให้ปัจจัยภายนอกมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างทันทีเป็นสิ่งสำคัญมาก ระหว่างปี 1926 ถึง 2001 อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประจำปีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ 10.7% เมื่อลบด้วยอัตราเงินเฟ้อและภาษี ตัวเลขนี้ลดลงเหลือเพียง 4.7% ดังนั้น นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนในแต่ละปีเกินกว่า 20% มักจะต้องผิดหวังอย่างยิ่ง.

สิบเอ็ด: นักลงทุนเริ่มต้นการลงทุนโดยขาดความรู้พื้นฐาน

สิบสอง: ไม่เข้าใจความสามารถในการรับความเสี่ยงที่แท้จริงของตนเอง

ความสามารถในการรับความเสี่ยงขึ้นอยู่กับความสามารถและความเต็มใจของนักลงทุนในการรับความเสี่ยง อย่าลืมว่ามีสิ่งที่เรียกว่าการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยงอยู่ในโลกนี้ นักลงทุนบางคนอาจพูดว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไม่พบความเสี่ยง แต่อันที่จริง เมื่อมองในมุมมองระยะยาว ความเสี่ยงที่มากที่สุดมักมาจากเงินเฟ้อที่พันธบัตรรัฐบาลเผชิญ.