การใช้สัญญาณ Divergence เพื่อระบุภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป
Divergence คืออะไร?
Divergence คือสัญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่ง แต่ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI หรือ MACD เคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้าม ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงซื้อหรือขาย และอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
ประเภทของ Divergence
Divergence สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:
- Bullish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำใหม่ แต่ตัวชี้วัดเช่น RSI หรือ MACD ทำจุดต่ำที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงและโอกาสในการซื้อ
- Bearish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงใหม่ แต่ตัวชี้วัดทำจุดสูงที่ต่ำลง ซึ่งบ่งบอกถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นและโอกาสในการขาย
การใช้ Divergence ในการระบุภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป
การใช้ Divergence ในการระบุภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปสามารถทำได้โดยการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคากับตัวชี้วัด เช่น RSI และ MACD:
- RSI (Relative Strength Index): เมื่อเกิด Bullish Divergence โดยที่ RSI อยู่ในระดับต่ำกว่า 30 แสดงถึงภาวะขายมากเกินไป และอาจเป็นสัญญาณซื้อ
- MACD: การใช้ MACD ร่วมกับ Divergence จะช่วยยืนยันการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม และช่วยให้นักเทรดสามารถระบุจุดซื้อหรือขายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การยืนยันสัญญาณด้วยเครื่องมืออื่น ๆ
นอกจากการใช้ Divergence นักเทรดยังสามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย เช่น:
- Bollinger Bands: การใช้ Bollinger Bands สามารถช่วยยืนยันการกลับตัวของราคา โดยการดูว่าราคาอยู่ใกล้เส้นขอบบนหรือขอบล่างของ Bollinger Bands
- Fibonacci Retracement: การใช้ Fibonacci ร่วมกับ Divergence จะช่วยระบุจุดกลับตัวของราคาในแนวโน้ม
ข้อดีของการใช้ Divergence
การใช้ Divergence ในการระบุภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปมีข้อดีหลายประการ ได้แก่:
- ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุจุดกลับตัวของราคาได้แม่นยำขึ้น
- สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
- เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการระบุโอกาสการซื้อขายในตลาดที่มีความผันผวนสูง
บทสรุป
Divergence เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุภาวะซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป การใช้ Bullish และ Bearish Divergence ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิค เช่น RSI, MACD, Bollinger Bands และ Fibonacci จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์และตลาดการเงินอื่น ๆ